วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ

ได้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพและการบริหารงาน ของนักบริหารเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการฝึกงาน
จากการเรียนคร้งนี้สัปดาห์แรกคือการปฐมนิเทศน์นักศึกษา
สัปดาห์ที่สองคือการพัฒนาบุคลิกภาพสัปดาห์ต่อมา เรียนเรื่อง การประกันคุณภาพ
สัปดาห์ต่อมา เรียนเรื่อง การบรรยาย Generation and Marketing จาก Dr.Vuttapong Larpcharoenที่สำคัญของการเรียนเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพในครั้งนี้ก็คือการได้จัดทำโครงการเกี่ยวกับเทคโนลีสารสนเทศเพื่อชีวิตที่ยั่งยืนทำให้เราได้คิดได้ตัดสินใจด้วยตนเองและที่สำคัญนั้นก็คือการได้ทำงานเป็นทีมทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะการเรียนนี้เนื่องจากดิฉันเรียนแขนงคอมพิวเตอร์ธุรกิจการทำงานของเราต้องให้ตรงกับสายที่เราได้เรียนมา

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ความสามัคคี...โปรตีนที่ประเทศไทยขาด

ลูก...อันเป็นที่รักของแม่ ภาวะสังคมปัจจุบัน ความสามัคคีเป็นสิ่งที่ต้องการเป็นอย่างมากสำหรับคนในชาติ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดชมีพระราชดำรัสแก่พสกนิกรชาวไทยให้รู้รักสามัคคี คือ รู้ว่าความสามัคคีทำให้เกิดความสุขแด่หมู่ชน และให้รักในความสามัคคี อันจักทำให้เกิดความพร้อมในหมู่ชน ความสามัคคีจึงเป็นคุณธรรมสำคัญสำหรับคนในชาติ ที่จักเป็นเครื่องร้อยรัดให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถได้ทรงพระราชทานแก่ผู้บริจาคโลหิตให้สภากาชาติไทย ณ สวนอำพร วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ มีความตอนหนึ่งว่า... ชาติเปรียบเหมือนครอบครัวใหญ่ ต้องอาศัยความสามัคคีของคนในชาติ ดังปรากฏแล้วในประวัติศาสตร์ บรรพบุรุษของไทยได้มีความพร้อมเพรียง กอบกู้ชาติบ้านเมืองไว้ เพื่อดำรงเอกราชอยู่ได้จนทุกวันนี้ ความสามัคคีพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ในการประกอบคุณงามความดีจึงเป็นสิ่งประเสริฐ... การที่แม่ได้อัญเชิญพระราชดำรัชของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถ มามอบให้ลูกในคำสอนของแม่ข้อนี้ ก็ด้วยความมุ่งหวังเป็นสิ่งแรก คือ แม่ปรารถนาให้คนในชาติมีความรักความสามัคคีต่อกัน ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันและกัน ด้วยความปรารถนาดีต่อกัน ลูกคงเคยได้ฟังเพลงปลุกใจ ชื่อ สามัคคีชุมนุม ที่กรมประชาสัมพันธ์เคยเปิดให้ฟังในสมัยก่อน แม่จักนำบางตอนมาทบทวนให้ลูกฟังอีกสักครั้งหนึ่ง ดังนี้ ...พวกเราเหล่ามาชุมนุม ต่างกุมใจรักสมัครสมาน พร้อมมิตรจิตชื่นบาน สราญเริงอยู่ทุกผู้ทุกนาม อันความกลมเกลียว ต่างเป็นใจเดียวประเสริฐศรี ทุกสิ่งประสงค์สิ่งใด จะเสร็จสมได้ด้วยสามัคคี บทเพลงบางตอนที่แม่ยกขึ้นมาให้ลูกฟังนี้ แม่ได้ยิน ได้ฟังและได้ร้องบ่อยๆ ในสมัยแม่เป็นนักเรียน เมื่อแม่ได้ฟังได้ร้องเพลงสามัคคีชุมนุมครั้งใด จิตใจของแม่จักฮึกเหิมและมุ่งมั่นในความสามัคคี พวกเราที่เป็นนักเรียน ก็ร้องพร้อมกัน ทำกิจกรรมด้วยกันด้วยความสามัคคีอย่างเต็มกำลัง แม่ยากให้บรรยากาศเช่นนั้นเกิดขึ้นมาในสมัยปัจจุบัน...แม่ฝันอย่างนั้นจริงๆ ที่แม่บอกให้ลูกฟังเสียยืดยาว ก็เป็นเพราะว่าอยากให้ลูกได้รู้และเข้าใจในพลังแห่งความสามัคคีว่า... เมื่อความสามัคคีเกิดขึ้น จะทำสิ่งใดก็จักสำเร็จ เพราะฉะนั้น เราจักต้องช่วยกันทำให้คนในชาติมีความรักและสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความสุขความสงบและสันติสุขจักบังเกิดแน่นอน แม่มีนิทานโบราณมาเล่าให้ลูกฟัง ในความสามัคคีเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า ช้างกับมดแดง เรื่องมีอยู่ว่า... กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีช้างป่าตัวหนึ่งอาศัยหากินอยู่ในป่าที่มีต้นมะม่วงขึ้นอยู่มากมาย เป็นธรรมดาของช้างที่จะเลือกกินแต่ผลมะม่วงที่สุกงอม แต่ในบรรดามะม่วงที่สุกงอมนั้นก็มีมดแดงที่อาศัยอยู่บนต้นมะม่วงนั้น นังของมดแดงจักถูกถักทอด้วยการนำใบมะม่วงมาต่อติดกัน เป็นรังที่อยู่อาศัยของมดแดง และเพื่อการวางไข่สำหรับมดรุ่นต่อไป... ช้างป่าเมื่อเวลาจักกินมะม่วงที่สุกงอม ก็ใช้งวงอันทรงพลังฟาดทึ้งไปที่ต้นมะม่วงนั้น เพื่อให้ผลมะม่วงหล่นลงมา แต่ช้างตัวนั้นหารู้ไหมว่าได้ฟาดไปถูกรังมดแดงที่กำลังมีไข่อ่อนอยู่เต็มรัง ช้างไม่ใส่ใจที่จักระมัดระวัง กลับใช่งวงฟาดไปที่รังมดแดง ด้วยทะนงตนว่ามดแดงคงไม่สามารถทำอันตรายแก่ช้างที่ตัวใหญ่กว่ามากมายได้ แต่มดแดงเป็นสัตว์ที่มีความสามัคคีมีความร่วมมือกันอย่างสุดชีวิต แม้ว่าช้างจักฟาดงวงไปที่รังของมดแดงจนตกลงไปในบ่อน้ำ เหล่ามดแดงทั้งหลายก็จักยอมพลีตัวเกาะกันต่อเป็นสะพาน เพื่อให้มดแดงตัวอื่นย่ำไปบนตัวของมันเพื่อให้บางตัวรอดพ้นจากการจมน้ำตาย เราเรียกกันว่า สะพานชีวิต ความร่วมมือและช่วยเหลือกันของมดแดงยังมีให้เห็นอยู่ได้แม้ในปัจจุบันนี้ มาพูดถึงมดแดงที่แตกรังอยู่บนต้นไม้ทุกตัว ได้ร่วมมือช่วยกันต่อสู้และป้องกันมิให้ศัตรูมารุกรานรังของมัน แม้ช้างจะเป็นสัตว์ใหญ่ แต่มดแดงตัวเล็กนิดเดียว พวกมันก็ยังล้มช้างตัวนี้ลงได้ ลูกรู้หรือไม่ว่ามันทำเช่นใด? แม่จักบอกให้ก็ได้ว่า พวกมันต่างบุกเข้าไปยังตัวช้าง แล้วเข้าไปในงวงอันมีผิวหนังอ่อน ช่วยกันกัดช่วยกันโจมตีจนกระทั่งช้างต้องล่าถอยด้วยความเจ็บปวด ถูกมดแดงกัดภายในงวงจมูกช้างจนช้างไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ทำให้เจ็บปวดล้มลงตายในที่สุด ลูกคงจักพอมองเห็นได้แล้วใช่หรือไม่? ว่ามดแดงตัวเล็กๆ สามารถล้มช้างตัวใหญ่ได้ นั่นเป็นเพราะความช่วยเหลือกันอันเป็น ความสามัคคีของมดแดง แม่เล่ามาให้ฟังเพียงเท่านี้ ลูกก็คงพอจักเข้าใจได้ว่า ไม่ว่าลูกจักทำสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่สักเพียงไหน? สิ่งที่ลูกจะขาดไม่ได้เลย สิ่งนั้นคือ ความสามัคคี... บันทึก คำสอนของแม่ ลูก...ที่รักของแม่ จงอย่าสร้างความสั่นสะเทือนให้แก่ผู้อื่น อย่าเอาแต่ศึกษาข้อธรรมอย่างเดียว แต่ต้องมองหาข้อบกพร่องของตนเอง อันเป็นการเรียนรู้ และพัฒนาแก้ไขตนเอง ขอให้ลูกจำว่า...เมื่อมีได้ก็มีเสีย การจะได้ของสักอย่าง ต้องเสียเงิน เสียกำลัง และปัญญา แต่การเสียที่น่ายกย่องสรรเสริญ คือ การเสียสละ ขอให้ลูกอย่าหลงใหลเพลิดเพลินในความรัก เพราะคนส่วนมากคำนึงถึงความสุขจากความรัก แต่ไม่ค่อยคำนึงถึงความทุกข์จากความรักกันเลย เมื่อลูกมีคนรักหรือแฟน... เวลาถูกทอดทิ้ง ขอให้ลูกจงท่องคาถา ดังนี้ “ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างเกิด ต่างคนต่างตาย ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ ไม่มีเราเขาก็อยู่ได้ คนเราไม่จากกันตอนเป็น ก็จากันตอนตาย” แม่ขอให้ลูกทำใจให้เหมือนแขก รู้จักเกรงใจเจ้าของบ้าน อย่าทำใจให้เหมือนเจ้าของบ้าน ที่ทำตัวตามสบาย ที่แม่ให้ทำตัวเป็นแขก เพราะ... แขก...จัดทำทุกสิ่งด้วยความเรียบร้อย แขก...พูดจาไพเราะอ่อนหวาน แขก...มีกิริยามารยาทดีงดงาม แขก...มีความเกรงใจต่อเจ้าของบ้าน ลูกรัก ความสุขเป็นสิ่งปรารถนาของคน ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่ได้จากกามคุณ คือ กามสุข หรือความสุขที่ได้จากจิตใจที่เป็นอิสระ คือ สันติสุข คนส่วนมากหลงยึดติดกามสุข ที่มีผลเป็นทุกข์ เหมือนดังปลาหลงเหยื่อ หารู้ไม่ว่าในความสุขเล็กน้อยๆ อันเกิดจากกามคุณนั้น มีความทุกข์รอคอยอยู่ข้างหน้ามากมายนัก เมื่อเราหลงเข้าใจผิด เราก็นึกว่าเป็นความดี อันเป็นการหลงทางอย่างยิ่ง จงหาความสุขจากกามคุณให้น้อยๆลง จนถึงกับปลดปล่อยความสุขนิดนั้นเสีย

จากหนังสือ...คำสอนของแม่ คัดลอกจาก www.dek-d.com ขอบคุณ Little Lovely Rabbit